NOBLE จ่อผุดโปรเจกต์หมื่นล้านปีนี้ ปีหน้าลุยตลาดอังกฤษ ขยายยอดขายตปท.

10 ก.ย. 2562 1,105 0

“โนเบิลฯ” เตรียมผนึกพันธมิตรผุดโปรเจกต์ยักษ์ 1.2 หมื่นล้านบาทภายในปีนี้ มุ่งปั้นแบรนด์ NUE บุกตลาดต่ำกว่า 5 ล้านบาท ย้ำปี 62 รายได้พุ่งตามนัด 1.2 หมื่นล้านบาท ลั่นปี 63 ลุยตลาดอังกฤษ หวังขยายฐานยอดขายต่างประเทศ

“โนเบิลฯ” เตรียมผนึกพันธมิตรผุดโปรเจกต์ยักษ์ 1.2 หมื่นล้านบาทภายในปีนี้ มุ่งปั้นแบรนด์ NUE บุกตลาดต่ำกว่า 5 ล้านบาท ย้ำปี 62 รายได้พุ่งตามนัด 1.2 หมื่นล้านบาท ลั่นปี 63 ลุยตลาดอังกฤษ หวังขยายฐานยอดขายต่างประเทศ

      นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมสรุปแผนการลงทุนขั้นสุดท้ายร่วมกับพันธมิตรอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก เป็นโครงการระดับไฮเอนด์ ย่านถนนวิทยุ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท และพันธมิตรในประเทศไทย มูลค่าโครงการมากกว่า 3,000 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะสรุปความชัดเจนได้ภายในปลายปีนี้

      ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งเน้นที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “NUE” มากขึ้น ซึ่งเป็นแบรนด์ราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท เพราะต้องการเน้นลูกค้าที่มีต้องการจริง (เรียลดีมานด์) มากขึ้น และขยายฐานตลาดนอกจากพื้นที่สุขุมวิท ปัจจุบันมีการซื้อที่ดินไว้รองรับในพื้นที่สำคัญ ๆ ของกรุงเทพฯ จำนวนหลายแปลง

      ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 4/2562 บริษัทจะมีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่อีก 2 โครงหลัก ๆ ได้แก่ 1.โครงการ Noble Recole เป็นคอนโดมิเนียม ขนาด 288 ยูนิต มูลค่า 2,483 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย (Presale) แล้ว 94% และมีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้ว 90% และ 2.โครงการ Noble BE 33 เป็นคอนโดมิเนียม ขนาด 279 ยูนิต มูลค่า 2,930 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 73% และมีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้ว 70% ซึ่งจะสามารถพร้อมโอนกรรมสิทธิ์บางส่วนในปีนี้เช่นกัน

      ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจโลก บริษัทมองว่าปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะกระทบภาคอสังหาริมทรัพย์ในแง่เรื่องเงินบาทที่แข็งค่า ส่วนปัญหาการประท้วงในฮ่องกงถือเป็นผลบวก เพราะมีนักลงทุนที่ต้องการย้ายถิ่นฐานออกจากประเทศ และไทยก็เป็นประเทศในเป้าหมาย

      อย่างไรก็ตามมองว่าปัจจุบันเป็นช่วงปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่บริษัทมียอดขายค่อนข้างแข็งแรง โดยเฉพาะยอดขายของต่างชาติ และยังมีโครงการที่รองรับต่างชาติโดยเฉพาะอีกด้วย หากยังคงระดับยอดขายต่างชาติได้ดี เชื่อว่าในอนาคตอาจสามารถสร้างยอดขายแตะ 5,000-8,000 ล้านบาทต่อปีของตลาดต่างชาติทั้งหมด อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงขาลงของดอกเบี้ย และไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นในเร็ววัน

      สำหรับปัจจุบันบริษัทเป็นเบอร์ 1 ครองยอดขายจากต่างชาติสูงถึง 38% จากยอดขายรวมทั้งประเทศ จากเดิมมียอดขายเพียง 5% ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญหนุนการเติบโตในอนาคต หลังได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างฟัลครัม-โกลบอล แคปิตอล (Fulcrum Global Capital) และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS พร้อมประเมินว่ายอดขายต่างชาติจะเฉลี่ยสูงถึง 4,000-5,000 ล้านบาท

      ดังนั้น บริษัทยังมั่นใจแผนในระยะ 3 ปี (2562-2564) จะมีรายได้ปีละประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ปีละ 4-5 โครงการ โดยปี 2562 วางเป้าหมายมีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 10,000-12,000 ล้านบาท เติบโต 100% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้ 5,152.93 ล้านบาท พร้อมงบลงทุนในการซื้อที่ดินอย่างน้อย 1,500 ล้านบาทต่อปี

      โดยมีปัจจัยหลักมาจากบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวม 17,987 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2562 เฉลี่ย 29% ปี 2563 เฉลี่ย 38% ปี 2564 เฉลี่ย 12% และปี 2565 เฉลี่ย 21% นอกจากนี้ยังมีสินค้าเหลือขาย (สต๊อก) มูลค่ารวมประมาณ 17,000 ล้านบาท ที่จะเน้นระบายออกในช่วงที่เหลือของปี 2562

      นอกจากนี้ในปี 2562 บริษัทคาดว่าจะมีกระแสเงินสดอยู่ที่ระดับ 6,000 ล้านบาท และจะยังรักษาอัตราส่วนหนี้ต่อทุน(D/E) อยู่ที่เฉลี่ย 1.93 เท่า ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท

      นายธงชัย กล่าวว่า บริษัทพยายามมองหาพันธมิตรรายใหม่ และการร่วมลงทุนกับพันธมิตร เพื่อขยายตลาดภายใต้แบรนด์ใหม่ ทั้งในไทย และต่างประเทศ โดยในปี 2563 บริษัทจะเริ่มมีการลงทุนในประเทศอังกฤษด้วยบริษัทเอง เช่น การเข้าไปลงทุนควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) เพื่อพัฒนาโครงการขายให้กับลูกค้าชาวจีน เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทมีฟัลครัม-โกลบอล แคปิตอล ที่จะคอยดูแลในส่วนของโครงการตลาดต่างประเทศ เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ต่าง ๆ ของหนึ่งในผู้ถือหุ้น จะช่วยได้เป็นอย่างมาก

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย