สิงห์ เอสเตท ปรับพอร์ตราคารุกบ้านหรูเผยดูดซับคอนโดฟื้นเร็วกว่าที่คาด6เดือน
”สิงห์ เอสเตท” ประเมินเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัว มีฐานธุรกิจภาคเกษตร ส่งออก ท่องเที่ยวที่ดี ชี้ธุรกิจมีวัฏจักรวงจรคอนเน็กต์กับการเติบโตของ ศก. แต่มีสัญญาณบวก ดูดซับคอนโดฯกลับมาเร็วกว่าคาดถึง 6 เดือน พร้อมปรับพอร์ตราคาบ้านหรู แยก 3 เซกเมนต์รุกขยายตลาด พร้อมโฉม ตึกสนง. “The S Oasis” รับดีมานด์คนทำงาน สตาร์ทอัป ส่วนธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศพลิกฟื้นเร็ว
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยถึงภาพรวมสภาพเศรษฐกิจในปี 2565 ว่า สภาพเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว ซึ่งประเทศไทยมีลักษณะธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งด้านเกษตรกรรม ธุรกิจท่องเที่ยว และการส่งออก จะค่อยๆฟื้นตัว ที่เห็นอย่างชัดเจน คือ ด้านธุรกิจท่องเที่ยวน่าจะเป็นไปได้ดี และอัตราแลกเปลี่ยนช่วงนี้ชาวต่างชาติจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตามมา ไม่ว่าจะเป็น สายการบิน และธุรกิจรอบข้างเนื่องจากไทยมีภูมิประเทศที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงาม โดยในส่วนของสิงห์ เอสเตทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ในส่วนของนักลงทุนจากต่างประเทศอาจจะมีการชะลอตัวลงไปบ้าง เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทางเข้ามา ทำให้การก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการแนวสูง (คอนโดมิเนียม) ชะลอไปบ้าง
“โควิด-19 คิดว่าเป็นสัจธรรม ช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ พวกเราทุกๆคน ก็หนีจากข้างล่างไปสู่โครงการแนวสูง ไปซื้อคอนโดมิเนียม แต่ตอนนี้ กลับกันหันมาสู่โครงการแนวราบ ต้องยอมรับว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีวัฏจักร มีวงจรที่คอนเน็กต์กับสภาวะเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ แต่บนเนื้อหาอสังหาฯเป็นธุรกิจปัจจัย 4 ที่ทุกคนต้องซื้อบ้าน เพียงแต่รูปแบบของการลงทุนจะต่างไป ในช่วงที่ธุรกิจชะลอตัวที่ผ่านมา การจะซื้อบ้านหลังที่สอง หลังที่สาม ก็อาจชะลอตัวเล็กน้อย และเป็นตลาดของผู้ซื้อ เนื่องจากมีที่อยู่อาศัยในตลาดให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นซัปพลายคอนโดมิเนียมที่มีอยู่จำนวนมาก จากข้อมูลล่าสุดพบว่า อัตราการดูดซับของตลาดในเชิงของคอนโดมิเนียม กลับมาเร็วกว่าที่คิดไว้ถึง 6 เดือน มียอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เริ่มปรากฎแล้ว คนเริ่มเคลียร์เรื่องผลประโยชน์ทางภาษี ไม่ต้องลุ้นแล้ว ประกอบสภาวะตลาดน่าลงทุน” นางฐิติมา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายการลงทุนอย่างจริงจัง ในการพัฒนาโครงการระดับพรีเมียม โดยลูกค้าให้การตอบรับ เชื่อใจและเชื่อถือในโครงการบ้านแนวราบแห่งเดียวในประเทศไทย คือ โครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส เป็นโครงการเดียวระดับราคา 250 ล้านบาท (บ้านสั่งสร้างตามความต้องการของลูกค้า ปิดการขายในปี 64) โดยมีลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 30% และจะมีธุรกรรมต่อเนื่อง
“เราต้องยอมรับว่า คงไม่มีบ้านระดับราคา 250 ล้านบาทให้เราอยู่ จากจุดเริ่มที่เราทำโครงการบ้านแนวราบแห่งแรก คือ สันติบุรี แต่ทางสิงห์ เอสเตท คงต้องไล่ระดับลงมา เรามองแนวราบในสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 และ แนวสูง ร้อยละ 40 ซึ่งมีโครงการที่แล้วเสร็จและทยอยโอนฯ และมีการซื้อที่ดินเข้ามาแล้ว โดยจะมีการเปิดใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ ภายในปี 66 ทำให้เราเห็นการก่อสร้างและการโอนฯ เกิดขึ้นมาต่อเนื่อง จะเป็น 3 แบรนด์ใหม่ กระจายในหลายทำเลที่มีศักยภาพ เช่น โซนตะวันตก และโซนตะวันออก ของ กรุงเทพฯ ระดับราคามี 3 กลุ่ม คือ 20 ล้านบาท 50 ล้านบาท และ 100 ล้านบาท”
ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงาน เดิมประเมินว่า ช่วงโควิดมีการทำงานที่บ้าน อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย พบว่า การ WFH ไม่ใช่ Solution ของทุกๆองค์กร ทำให้เราเห็นว่า การทำงานจะเริ่มกลับมา แต่เป็นในรูปแบบของการจัดสรรพื้นที่ให้มีความยืดหยุ่น และตอบโจทย์การทำงานแบบใหม่ มีไลฟ์สไตล์สเปซ ซึ่งอาคารสำนักงาน “The S Oasis” ตอบโจทย์ความต้องการในการทำงาน เริ่มจากการออกแบบอาคาร ตั้งแต่แรก จะพยายามดูเรื่องเลย์เอาต์ที่ให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่ของลูกค้าในทุกๆ พื้นที่สำนักงาน
“การขยายพอร์ตอาคารสำนักงานแห่งใหม่ หรือ การจะเข้าไปซื้อตึกเพิ่มในปี 66 นั้น ตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับอาคาร The S Oasis ก่อน แต่จะปรับพื้นที่ให้บริการที่มีความ หลากหลาย เนื่องจากธุรกิจ Startup มีจำนวนมาก ระยะเวลาการใช้พื้นที่จะต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญต้องมีความทันสมัยรองรับ”
ส่วนธุรกิจโรงแรมนั้น สิงห์ เอสเตท มีโรงแรมรองรับกระจายไปทั่วโลก และการฟื้นตัวของแต่ละประเทศ จะเริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ โรงแรมที่จังหวัดภูเก็ต สมุย คาดว่าปี 66 จะเริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติและดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวด้วย
“เรื่องท่องเที่ยว เราก็มีประเทศใหม่ๆ ที่เข้ามาทดแทนตลาดจากประเทศจีน และเรามั่นใจว่า ปีหน้า นักท่องเที่ยวจากจีนมาแน่ ถ้าจะเที่ยวก็รีบเที่ยว มีแนวโน้มราคาที่พักจะปรับขึ้นในปีหน้า”.
Reference: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา