ชาวจีนยังครองแชมป์ยอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดสูงสุด 

29 Aug 2022 271 0

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา ยังคงต้องเผชิญกับทั้งปัจจัยลบ ซึ่งเป็นผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมทั้งประเทศมีการขออนุญาตจัดสรรลดลง โดยพบว่าไตรมาส 2/2565 มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั่วประเทศทั้งสิ้น 156 โครงการ จำนวนรวม 15,999 หน่วย คิดเป็นจำนวนโครงการลดลง 1.3% และคิดเป็นจำนวนหน่วย ลดลง 5.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 7,162 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์ 5,358 หน่วย บ้านแฝด 3,054 หน่วย ที่ดินจัดสรร 240 หน่วย และอาคารพาณิชย์ 158 หน่วย

          ทั้งนี้หากพิจารณารายพื้นที่พบว่า กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีจำนวนการออกใบอนุญาตจัดสรรเพิ่มขึ้น โดยพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในไตรมาส 2/2565 มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน 9,069 หน่วย คิดเป็น 56.9% ของทั้งประเทศ เพิ่มขึ้น 30.9% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 4,223 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์ 3,737 หน่วย บ้านแฝด 1,012 หน่วย ขณะที่ภาคตะวันออก ยังคงพบการชะลอตัวของการขออนุญาตจัดสรรที่ดินอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวน 3,807 หน่วย คิดเป็น 23.8% ของทั้งประเทศ ซึ่งบ้านแฝดมีการขออนุญาตจัดสรรมากที่สุด 1,435 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์ 1,331 หน่วย บ้านเดี่ยว 951 หน่วย

          ในด้านอุปทานโครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลในไตรมาส 2/2565 มีจำนวน 23,766 หน่วย เป็นอาคารชุด 14,932 หน่วย  และบ้านจัดสรร 8,834 หน่วย แม้จะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 9,102 หน่วย  เพิ่มขึ้น 161.1% โดยมีมูลค่า 143,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 245.0% เป็นมูลค่าโครงการบ้านจัดสรร 81,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.5% อาคารชุด  62,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 758.9%

          อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลในช่วงครึ่งปีแรก 2565 การเปิดโครงการใหม่ประเภทอาคารชุดกลับขึ้นมามีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งของโครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ทั้งหมด โดยมีสัดส่วน 63.3% ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรลดลงมาอยู่ที่ 36.7% ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 ในปี 2561 และมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิด COVID-19

          ในขณะที่แนวโน้มทั้งปี 2565 คาดว่าจะมีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั่วประเทศประมาณ 42,308 หน่วย เพิ่มขึ้น 32.5% จากปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 31,927 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วง 19.3-45.8% ทั้งนี้ การออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินในปี 2564 ลดลง 32.7% จากปี 2563 เนื่องจากเป็นปีที่มีการออกใบอนุญาตจัดสรรต่ำสุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่ปี 2549 และต่ำกว่าปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่เกิดรัฐประหารมีการออกใบอนุญาตจัดสรรจำนวน 34,123 หน่วย

          ทั้งนี้คาดการณ์อุปทานการเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งโครงการบ้านจัดสรรและโครงการอาคารชุด จำนวน 77,728 หน่วย เพิ่มขึ้น 50.8% จากปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 51,531 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วง 35.8- 65.9% ด้านมูลค่าโครงการรวมอยู่ที่ 401,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.3% จากปี 2564 ซึ่งมีมูลค่า 218,950 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วง 65.0-101.6%  ทั้งนี้ ปี 2564 เป็นปีที่มี ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ต่ำสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 และต่ำกว่าปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯที่มีจำนวน 82,595 หน่วย

          ในส่วนของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในไตรมาส 2/2565 คิดเป็นมูลค่า 257,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าปี 2565 จะมีมูลค่าประมาณ 948,471 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากปี 2564 โดยแนวราบเพิ่มขึ้น 0.4% และอาคารชุดเพิ่มขึ้น 0.6%

          สำหรับอุปสงค์พบว่าหน่วยโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศในช่วงครึ่งปีแรก 2565 มีจำนวน 4,433 หน่วย เพิ่มขึ้น 1.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 4,370 หน่วย โดยมีมูลค่า 22,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 20,472 ล้านบาท โดยผู้ซื้อสัญชาติจีน ยังคงมีการโอนสูงสุดทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า ซึ่งมีการโอน 1,124 หน่วย มูลค่า 5,931 ล้านบาท รองลงมาเป็นรัสเซีย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอินเดีย

 

Click icon to remove from or add to favorite list
Click to choose and click "Compare" button