CI ภูเก็ต-หัวหินฮอต จองห้องพักกระโดด
CI ตั้งเป้าปี 2566 อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) เฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 60% หลังธุรกิจโรงแรมในภูเก็ต-หัวหิน เติบโตได้ดีขึ้นขณะที่มองผลงานโค้งสุดท้ายปี 2565 โตแรง หลังอัตราค่าห้องพักพุ่ง 15-20% ดันรายได้ไตรมาส 4/2565 ฟอร์มแจ่ม พร้อมรับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า การที่ประเทศจีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ โดยตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป เป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทและกลุ่มธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ แต่คงยังต้องรอความชัดเจนในต้นปี 2566 และยังมีปัจจัยที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าโรคระบาดโควิด-19 จะกลับมาแพร่ระบาดอีกหรือไม่
อัตราเข้าพักพุ่ง
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าในปี 2566 อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) เฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 60% ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 4/2565 ธุรกิจโรงแรมถือว่าเติบโตได้ดีขึ้น ทั้งโรงแรมในภูเก็ต และหัวหิน โดยมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นมาที่ 60% เมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสที่ 3/2565 ที่มีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ระดับ 45% นอกจากนี้อัตราค่าห้องพัก (Room Rate) ในไตรมาสที่ 4/2565 ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 15-20% ซึ่งส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัท
โดยที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวไทยหลังจากการเปิดประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น รวมถึงยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดีย ที่เป็นเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปเข้ามาเพิ่มเติม และช่วยหนุนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ให้เติบโตขึ้น
แบ็กล็อกรอโอน 3 พันล.
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมีโครงการที่รอโอน (Backlog) ราวๆ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการอิสสระเรสซิเดนซ์ พระราม 9 และบ้านอิสสระ บางนา รวมถึงคอนโดมิเนียมโครงการในต่างจังหวัดของบริษัท ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม ศศรา หัวหิน (SASARA Hua Hin) และโครงการ ทิวทะเลเวิลด์ ชะอำ-หัวหิน ซึ่งคาดว่าจะทยอยโอนได้มากขึ้น
โดยธุรกิจอสังหาในช่วงที่ผ่านมาถือว่าปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 1-2 โครงการ ทั้งโครงการบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม คาดว่าจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท สำหรับการเติบโตของรายได้ในธุรกิจอสังหาปีนี้ ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนรายได้ของบริษัทราว 70%
เดินหน้ากัญชง-กัญชา
ขณะธุรกิจ “กัญชง-กัญชา” หลังจากที่ได้เริ่มปลูกกัญชาแล้ว ยังเดินหน้าตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยบริษัทมองว่าการมุ่งสู่ธุรกิจนี้จะใช้เพื่อนำมาใช้ต่อยอด กับธุรกิจโรงแรม สปา ร้านอาหาร ของบริษัทได้ในอนาคต นอกจากนี้บริษัทมีแผนเข้าสู่ธุรกิจสุขภาพ (Wellness) ซึ่งอาจจะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตร โรงพยาบาล หรือผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจนี้โดยเฉพาะ
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น