3บิ๊กต่างวงการลงขันลุยนอนแบงก์ ตั้งเป้าสินเชื่อที่ดิน2หมื่นล้าน
3 องค์กรชั้นนำ ออมสิน ทิพยโฮลดิ้ง บางจาก จับมือรุกธุรกิจนอนแบงก์ ให้สินเชื่อที่ดินและรับขายฝากที่ดิน คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด หวังสานต่อการช่วยเหลือ SMEs และบุคคลทั่วไปเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น ตั้งเป้า 12 เดือน ปล่อยสินเชื่อ 1-2 หมื่นล้านบาท
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินมีแนวคิดที่จะมุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนด้วยต้นทุนดอกเบี้ยที่ไม่สูงเกินจริง โดยที่ผ่านมาธนาคารได้มีการปล่อยสินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนที่ขาดสภาพคล่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือมีความเสี่ยงสูญเสียที่ดินติดสัญญาขายฝากอย่างไม่เป็นธรรม โดยผ่อนปรนให้ลูกค้าใช้ที่ดินเป็นหลักประกันการกู้ ภายในระยะเวลา 2 ปี สามารถปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการแล้วกว่า 21,000 ล้านบาท
”ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดยส่วนของระบบธนาคารรัฐ และธนาคารพาณิชย์ยังมีข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถให้สินเชื่อในส่วนนี้ได้อย่างทั่วถึง และในช่วงที่ผ่านมาธนาคารจึงได้เป็นส่วนหนึ่งในการออกสินเชื่อภายใต้ชื่อ “มีที่ มีเงิน” ซึ่งเป็นการให้สินเชื่อโดยการที่มีหลักค้ำประกัน ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นแนวคิดการจัดตั้งบริษัทเข้าทำธุรกิจแข่งขันในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝาก เพื่อผลักดันให้เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์ ลดโครงสร้างดอกเบี้ยซึ่งสูงเกินความเป็นจริง ให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากสินเชื่อที่มีต้นทุนถูกลงและมีเงื่อนไขที่เป็นธรรม” นายวิทัยกล่าว
สำหรับบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด จัดตั้งขึ้น ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท โดยการร่วมทุนของธนาคารออมสิน ในสัดส่วนหุ้น 49% กับบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 31% และกลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 20% โดยธนาคารออมสินทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อ ประสานพลังความร่วมมือ พร้อมให้บริการผ่านจุดบริการของทั้ง 3 ฝ่าย มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนรายย่อย ช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบ และสร้างการแข่งขันที่สมบูรณ์ในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝาก
อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดว่าจะสามารถจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 โดยพร้อมเปิดตัวสินเชื่อ ที่ดิน อัตราดอกเบี้ย 7-9% ในระยะแรก และภายหลังจากนั้นจะขยายผลไปทำธุรกิจขายฝากภายในสิ้นปี 2565 ก่อนจะยื่นขอใบอนุญาต ประกอบธุรกิจ Non-Bank ในปี 2566 เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อบุคคลต่อไป พร้อมตั้งเป้าปีแรกสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 10,000-20,000 ล้านบาท ด้วยจุดแข็งด้านฐานลูกค้าของธนาคาร จำนวนมาก และมีจุดบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งสาขาของธนาคารออมสิน และทิพย กรุ๊ป รวมถึงจุดให้บริการน้ำมันบางจาก รวมกันกว่า 2,300 แห่งทั่วประเทศ
ด้านนายสมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย์กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมลงทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีจุดแข็ง2ด้านด้วยกันคือฐานลูกค้า และช่องทางการขาย โดยฐานลูกค้าเดิมจำนวนมากของแต่ละองค์กร ซึ่งธนาคารออมสินมีฐานลูกค้ากว่า15ล้านคน ทิพยประกันภัยมี 8 ล้านคน และบางจากมี 5 ล้านคนจะทำให้บริษัทมีโอกาสเติบโตจากฐานลูกค้าเดิมได้ นอกจากนี้การที่แต่ละบริษัทมีสาขา และตัวแทนจำนวนมากจะทำให้มีช่องการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของทิพยนอกจากการร่วม ลงทุนแล้วอาจให้ความร่วมมือในการให้ประกัน สินเชื่อควบคู่กันไปด้วยได้ หรือแม้แต่ในอนาคต การซื้อประกันผ่านปั๊มน้ำมันก็เป็นได้เช่นกัน
Reference: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา