ESTARดันรายได้โต1.7พันล้าน เล็งเปิด4โครงการ3พันล้านปีนี้

24 มี.ค. 2565 522 0

         ESTAR วางเป้ารายได้และยอดขายปีนี้โตแตะ 1,700 ล้านบาท เดินหน้าเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ประเมินตลาดอสังหาฯ ปีนี้ฟื้นตัว หลังความรุนแรงของโควิด-19 เบาลง พร้อมซุ่มเจรจาพันธมิตร 1-2 ราย เข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯ

          นายต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการทยอยเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมที่มีมูลค่าสูงมากขึ้น ซึ่งในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2565-2567) บริษัทมีการเตรียมที่ดินสำหรับรองรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ไว้แล้วบางส่วน

          สำหรับในปี 2565 บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ระดับ 1,700 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,326.38 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 1,400 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และจะมีโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลสุขุมวิท 39 ที่จะสร้างเสร็จใหม่ในปีนี้ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 80% และบริษัทยังมีสินค้าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในมือมูลค่ารวมประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนที่จะหนุนการรับรู้รายได้ในปีนี้

          ขณะเดียวกัน ในปี 2565 บริษัทยังได้วางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 1,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1,334 ล้านบาท โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบในจังหวัดระยอง 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท และเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะทยอยเปิดตัวในช่วงปลายไตรมาส 2/2565 จำนวน 2 โครงการ และในช่วงปลายไตรมาส 3/2565 อีกจำนวน 2 โครงการ

          “ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 มีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากปีก่อน หลังจากความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เบาลง แม้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่จะยังคงอยู่ในระดับที่สูง แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศยังดำเนินได้ตามปกติ จึงคาดว่าเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น” นายต่อศักดิ์ กล่าว

          นอกจากนี้ ในปี 2565 บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งหลัก ๆ จะใช้สำหรับจัดซื้อที่ดินใหม่ รองรับการพัฒนาโครงการแนวราบ ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมนั้น ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินรองรับเพียงพอแล้วในระยะสั้น รวมทั้ง ในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าหาพันธมิตร เพื่อเข้ามาเสริมในการพัฒนาโครงการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจากับพันธมิตร จำนวน 1-2 ราย

 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย